เลือกร้านค้าที่คุณภาพดี และราคาเป็นธรรม เช่น ใน Taobao ซึ่งเป็นเว็บขายปลีก และ 1688 เว็บไซต์ขายส่งของจีน ยิ่งซื้อในปริมาณมาก ก็ยิ่งได้ราคาที่ถูกลง นอกจากนี้ 1688 ยังมีร้านค้าที่รับผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของคุณเองด้วย จึงเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างแบรนด์ และกำหนดคุณภาพด้านวัตถุดิบ รวมทั้งสามารถควบคุมงบประมาณตามที่มี
ตัวเลขที่แตกต่างกัน มีผลต่อค่าขนส่งที่ต่างกันด้วย เช่น หากสั่งซื้อ 1,000 หน่วยเปรียบเทียบกับ 10,000 หน่วย ยิ่งตัวเลขการสั่งซื้อสินค้ามากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยประหยัดค่าขนส่งได้มากขึ้นเท่านั้น เช่น คุณมีค่าใช้จ่าย 500$ ต่อการขนส่ง 1,000 หน่วย หรือคิดเป็น 0.5$ / หน่วย แต่หากขนส่ง 10,000 หน่วย ค่าขนส่งจะอยู่อยู่ที่ 700$ หรือหน่วยละ 0.7$ จะเห็นได้ชัดว่า ราคาต่อหน่วยมักจะลดลงเมื่อคุณสั่งซื้อหรือนำเข้าสินค้าจากจีนในปริมาณที่มากขึ้น
แน่นอนว่า หากที่ตั้งของบริษัทอยู่ในประเทศไทย การนำเข้าสินค้าจากประเทศจีน ไต้หวัน เวียดนาม ญี่ปุ่น ย่อมมีค่าขนส่งที่ถูกกว่าการนำเข้าจากทางยุโรป เพราะฉะนั้น พยายามมองหาแหล่งนำเข้าใกล้ๆ เพื่อช่วยประหยัดค่าขนส่ง ระยะเวลาในการรอสินค้า ค่าใช้จ่ายของการใช้บริการ Freight Forwarder ตลอดจนค่าภาษีนำเข้า อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน การนำเข้าสินค้าจากจีน ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าต่ำสุด 0% หากผู้นำเข้ามีเอกสาร Form E
การสั่งซื้อสินค้าประเภทเดียวกันเพื่อขนส่งมาในคราวเดียวนั้น เป็นไอเดียที่ดีมาก และเพื่อความคุ้มค่า อาจเลือกดีไซน์และสีที่คละกัน อย่างไรก็ตาม คุณสามารถขอคำแนะนำได้จากซัพพลายเออร์ในการคละสีที่แตกต่างกันให้ เพื่อประหยัดต้นทุนและยังช่วยให้ลูกค้ารู้สึกแฮปปี้ที่มีสินค้าให้เลือกหลากหลายอีกด้วย
ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์จำนวนมากที่ใช้งานผ่านระบบออนไลน์ ช่วยในการติดตามสินค้าคงคลัง และการสั่งซื้อแบบเรียลไทม์ ตลอดจนสามารถติดตามสถานการณ์ขนส่งสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย ข้อดีคือเพิ่มความรวดเร็วในกระบวนการขนส่ง ประหยัดเวลาในการเช็คสินค้า และค่าใช้จ่ายในการขนส่ง
แทนที่คุณจะชำระค่าสินค้าเต็มจำนวนสำหรับการขนส่ง ลองสอบถามกับซัพพลายเออร์ว่า สามารถชำระเงินตามรอบการจ่ายได้หรือไม่ เช่น 30 วัน 60 วัน 90 วันหรือ 180 วันสำหรับการชำระเงินเต็มจำนวนเมื่อสินค้ามาถึงมือ ผู้นำเข้าอาจชอบวิธีชำระเงินแบบนี้มากกว่า อย่างไรก็ตาม ควรเจรจาต่อรองกับทางซัพพลายเออร์เพื่อเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย