หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่กำลังมองหาคลังสินค้าแห่งใหม่ หรือต้องการขยายคลังสินค้าเพิ่มเติม สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องรู้ถึงความต้องการของธุรกิจของคุณเพื่อให้คุณทราบได้ทันทีว่าคลังสินค้าใดเหมาะสมสำหรับธุรกิจ หรือคลังสินค้าใดไม่เหมาะสำหรับธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บสินค้า การกระจายสินค้า ไปจนถึงการจัดจำหน่ายโดยการนำปัจจัยที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ มาร่วมพิจารณาเพื่อให้สามารถเลือกโรงงานและโกดังคลังสินค้าที่มีทำเลเหมาะสมกับธุรกิจมากที่สุดโดยมีแนวทางดังนี้
1. เช่าคลังสินค้าหรือสร้างเองดี?
ขั้นตอนแรกในการมองหาพื้นที่คลังสินค้าคือการพิจารณาว่าคุณจะ เช่าคลังสินค้า หรือสร้างเองดี ซึ่งทั้งสองทางเลือกนั้นก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ดังนั้น การตัดสินใจในขั้นนี้จึงขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจ งบประมาณ และแผนงานของคุณใน 5 - 10 ปีข้างหน้า แม้ข้อดีของการสร้างโกดังหรือสร้างคลังสินค้าเอง ได้แก่ การควบคุมการออกแบบเพื่อรองรับธุรกิจได้มากกว่า แต่ข้อดีของการเช่าโกดังหรือเช่าคลังสินค้าก็มีหลายประการ อาทิ ความพร้อมในการเริ่มดำเนินการในเชิงพาณิชย์ที่มากกว่าการสร้างคลังสินค้าที่ต้องใช้ระยะเวลาสร้าง งบประมาณที่น้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทำให้คุณมีงบประมาณมากขึ้นในการลงทุนด้านอื่น และยังไม่มีข้อผูกมัดเหมือนการสร้างคลังสินค้าเอง ทำให้มีความยืดหยุ่นในการทำธุรกิจมากขึ้น
2. ต้นทุนหรืองบประมาณที่มี
ต้นทุนเกี่ยวกับค่าที่ดินหรือค่าเช่านั้นก็เป็นปัจจัยเลือกทำเลที่ตั้งโกดังและคลังสินค้าที่มองข้ามไม่ได้ ดังนั้น การพิจารณาเรื่องต้นทุนเกี่ยวกับค่าที่ดินจึงต้องคิดอย่างรัดกุมและคิดรอบด้าน และเนื่องด้วยในปัจจุบันที่ราคาที่ดินได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก การเช่าโรงงาน เช่าโกดัง หรือเช่าคลังสินค้า จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาต้นทุนที่สูงของที่ดินในทำเลที่ดี เนื่องจากในปัจจุบันมีโครงการโรงงานให้เช่า โกดังให้เช่า และคลังสินค้าให้เช่าเกิดขึ้นมากมายบนทำเลที่หลากหลาย ซึ่งสามารถช่วยประหยัดเงินทุนและระยะเวลาในการเริ่มหรือขยายธุรกิจได้อีกด้วย
3. ความสะดวกสบายด้านการคมนาคม
ทำเลที่ตั้งโกดังและคลังสินค้าต้องมีเส้นทางการคมนาคมที่สะดวกสบาย เดินทางได้จากหลากหลายเส้นทางและสามารถเชื่อมต่อไปยังสถานที่สำคัญหรือภูมิภาคต่าง ๆ ได้ง่าย เพราะปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อกระบวนการขนส่งหรือระบบโลจิสติกส์ของธุรกิจโดยตรง นอกจากนี้อาจพิจารณาถึงที่ตั้งของซัพพลายเออร์ ผู้ผลิต ตลาด หรือฐานลูกค้าร่วมด้วยเพื่อช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า ในกรณีที่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นตลาดต่างประเทศ โกดังหรือคลังสินค้าควรตั้งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินหรือท่าเรือหลักของประเทศ เพราะหากเลือกทำเลที่ไม่เหมาะสมกับการทำธุรกิจ นอกจากการเดินทางคมนาคมหรือการขนส่งสินค้าจะไม่สะดวกสบายแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อต้นทุนการขนส่งและการเติบโตของธุรกิจได้
4. ไม่มองเพียงความต้องการในปัจจุบัน แต่มองถึงการขยายธุรกิจในอนาคต
ธุรกิจที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ หรือขยายสายงานเข้าสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่มักเลือกโกดังหรือคลังสินค้าที่รองรับความต้องการ ณ ขณะนั้น ๆ เป็นหลัก แต่เมื่อธุรกิจเริ่มขยายตัว การจัดการสินค้าคงคลังควรจะต้องมีศักยภาพในการเติบโตและพัฒนาไปพร้อม ๆ กันได้ด้วยการเตรียมความพร้อมสำหรับการขยายตัวในอนาคต เพราะมิฉะนั้น คุณอาจต้องย้ายไปโกดังหรือคลังสินค้าให้เช่าแห่งใหม่อยู่เรื่อย ๆ แต่หากโกดังหรือคลังสินค้านั้นมีความพร้อม สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้อย่างยืดหยุ่นเพื่อให้เหมาะสมกับการเติบโตหรือหดตัวของธุรกิจ ก็จะช่วยให้คุณรักษาอัตราการจ้างแรงงานที่มีคุณภาพ และข้อได้เปรียบอื่น ๆ เอาไว้ได้ รวมถึงลดความผิดหวังของลูกค้าที่ไม่ต้องไปตามหาที่อยู่โรงงานและโกดังคลังสินค้าแห่งใหม่ได้
5. สิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น
นอกจากพื้นที่คลังสินค้าต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับทั้งพนักงานและอุปกรณ์ที่จะใช้ในการทำงานแล้ว ปัจจัยที่สำคัญที่ขาดไปไม่ได้เลย คือ สิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกหลัก ๆ ที่แนะนำให้พิจารณา ได้แก่ ระบบไฟฟ้าและแสงสว่าง ระบบพลังงานสำรอง ระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ระบบน้ำ คุณภาพน้ำ ระบบระบายน้ำ ลานจอดรถ ระบบรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมตลอด 24 ชั่วโมง ถนนภายในโครงการที่มีความแข็งแรงพอที่จะรองรับการขนย้ายสินค้าที่มีน้ำหนักมาก เป็นต้น นอกจากนี้ควรพิจารณาจากปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นด้วย เช่น สภาพอากาศและความเสี่ยงในการเกิดภัยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงในการเกิดแผ่นดินไหวหรือน้ำท่วม รวมถึงสภาพแวดล้อมอื่น ๆ เช่น ที่ดินที่อยู่ใกล้เคียงหรือสภาพการจราจร เป็นต้น
6. จำนวนสถานีขนถ่ายสินค้าและพื้นที่จอดรถ
พื้นที่นอกโกดังหรือคลังสินค้าเป็นปัจจัยที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่มักถูกมองข้าม ในที่นี้คือจำนวนสถานีขนถ่ายสินค้าและพื้นที่จอดรถ ควรพิจารณาว่ามีจำนวนสถานีขนถ่ายสินค้าเพียงพอที่จะรองรับจำนวนรถขนถ่ายสินค้าหรือรถบรรทุกอย่างเหมาะสมหรือไม่ และการเข้าถึงพื้นที่จอดรถและสถานีขนถ่ายสินค้าเป็นอย่างไร แต่ปัจจัยการพิจารณาเลือกโกดังหรือคลังสินค้าในข้อนี้ขึ้นอยู่กับลำดับความสำคัญและช่องทางการนำเข้า-ส่งออกสินค้าของแต่ละธุรกิจ
7. ความสะดวกสบายของพนักงานก็จำเป็น
โกดังหรือคลังสินค้าควรอยู่ไม่ไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อความสะดวกสบายของพนักงาน อาทิ ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ธนาคาร เป็นต้น นอกจากนี้ ในบริเวณใกล้เคียงควรมีที่พักอาศัยมากเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นหอพัก อพาร์ทเม้นท์ การเคหะ หรือโครงการที่พักอาศัยอื่น ๆ เป็นต้น รวมไปถึงมีระบบสาธารณูปโภคที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นความกว้างของถนน ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบระบายน้ำ ระบบการสื่อสารโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง อีกทั้งควรเลือกทำเลที่อยู่ใกล้กับบริการสาธารณะ เช่น สถานีตำรวจ สถานีดับเพลิง สถานที่ราชการ หรือโรงพยาบาล เป็นต้น ในกรณีที่ต้องใช้บริการ
8. ระบบรักษาความปลอดภัย
การทำงานในคลังสินค้า โดยเฉพาะคลังสินค้าที่มีการจัดเก็บสินค้าอันตรายนั้น นอกจากเจ้าของธุรกิจจะต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายหรืออันตรายต่อสินค้าตามแนวปฏิบัติในการจัดเก็บสินค้าแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยภายใน คลังสินค้า เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยสำหรับพนักงาน เนื่องจากคลังสินค้าส่วนใหญ่มักประกอบไปด้วยเครื่องจักรกลหนัก ระบบไฟฟ้าที่มีความซับซ้อน สารเคมีต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดและความสูญเสียได้ อย่างไรก็ตาม โอกาสในการเกิดการสูญเสียจะลดลงจนแทบเป็นศูนย์หากคลังสินค้าของคุณตั้งอยู่บนฐานรากที่แข็งแรงและมีการออกแบบและติดตั้งโครงสร้างต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ร่วมกับการติดตั้งระบบเตือนภัยตามจุดเสี่ยงเพื่อช่วยแจ้งเตือนพนักงานและผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ให้สามารถรับมือกับเหตุการณ์เพลิงไหม้ได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดเหตุ
สำหรับลูกค้าใหม่ที่สนใจนำเข้าสินค้ากับทาง CTT Logistics รับไปเลยส่วนลดค่าขนส่ง จีน-ไทย มูลค่า 15,000 บาท สำหรับใครที่ไม่เคยนำเข้าสินค้าก็ไม่ต้องกังวลสามารถรถทะเบียนรับคำปรีกษาฟรี กับ CTT Logistic Service & Solution
ที่ : https://bit.ly/3LYFY6Y หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : https://lin.ee/syTgeJV